เคลือบคริสตัล คืออะไร มีบทบาทสำคัญยังไงกับรถของคุณ
ถึงแม้รถยนต์จะถูกจัดให้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยอีกอย่างหนึ่งก็ตาม แต่ปัจจุบันนี้รถยนต์แทบจะนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของทุกครัวเรือน ไม่ว่าในแง่ของอาชีพการงาน หรือ ความสะดวก ราบรื่นในการใช้ชีวิตประจำวันก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีอาชีพขับรถรับจ้าง คนที่ต้องเดินทางไกลจากบ้านไปที่ทำงาน โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้าน
และเนื่องจากรถยนต์เป็นสินค้าที่มีราคาแพง การดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานที่สุดจะเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการต้องซ่อมแซม หรือสุดท้ายต้องซื้อรถยนต์ใหม่ซึ่งจะแพงเกินไป ดังนั้นวิธีเจ้าของรถในการดูแล ก็คือ การเคลือบสีรถ
การเคลือบคริสตัลนั้นนับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการเคลือบสีรถยนต์โดยใช้สาร Silicon dioxide สารซิลิก้าไปสร้างชั้นฟิล์มเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชั้นบนผิวแลคเกอร์ปกติของรถยนต์ แล้วผ่านเข้ากระบวนการขัด เพื่อเพิ่มความเงางาม แข็งแรง ทนทานให้กับตัวถังรถ
การเคลือบคริสตัล คือ การสร้างเกราะให้กับรถยนต์ เป็นการป้องกันสีของรถยนต์ให้คงความสวยงามเหมือนแรกซื้อใหม่ ๆ และยังช่วยยืดอายุในการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
การเคลือบคริสตัล คืออะไร
การเคลือบคริสตัล คือ นวัตกรรมแบบใหม่ของการเคลือบสีผิวรถยนต์ เพื่อให้สีของรถยนต์มีความเงางาม และความคงทนต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การเคลือบคริสตัล คือ การเคลือบแก้วที่ได้ผสมสาร เช่น ตะกั่ว ลิธาจ เข้าไปเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เหนียว และแวววาว ดังนั้นหลังจากเคลือบคริสตัลแล้ว จะทำให้รถแลดูเงาสวยงาม นอกจากนี้ความหนาที่เกิดจากการเคลือบคริสตัลยังช่วยให้เกิดความแข็งเพิ่มขึ้น ที่สามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอยได้ดีกว่าน้ำยาทั่ว ๆ ไป ช่วยให้ชะล้างคราบน้ำ คราบสกปรกออกได้ง่าย และช่วยปกป้องสีรถไม่ให้ซีดจางลง โดยเฉพาะรถยนต์สีเข้
เคลือบคริสตัลดียังไง
เจ้าของรถยนต์สามารถที่จะปกป้องรถยนต์ของตนเองได้ง่าย ๆ ด้วยการเคลือบคริสตัล ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เเต่มันก็มีข้อดีอยู่หลายอย่าง โดยเราจะมาดูกันว่า การเคลือบคริสตัล หรือการเคลือบเเก้วดียังไงต่อรถยนต์ของเรา
- ปกป้องสีรถจากมลภาวะต่าง ๆ รวมทั้ง แสงอาทิตย์ ความร้อน รังสี UV รวมกระทั่งความร้อนจากภายในห้องเครื่อง
- ช่วยป้องกันสารเคมี กรด ด่าง สารกัดกร่อนต่าง ๆ
- ปกป้องสีรถจากการใช้งานที่ยาวนาน เช่น รถสีขาวกลายเป็นซีดเหลือง
- ช่วยลดการจับตัวของฝุ่นละอองบนผิวสีของรถ
- รอยขีดข่วน รอยขนแมว สามารถขัดลบออกได้ง่าย เพราะเกิดบนความหนาของชั้นสีที่เพิ่มขึ้นจากการเคลือบคริสตัล
- มีการเพิ่มคุณสมบัติ เช่น Self Cleaning (ทำความสะอาดตัวเอง) ให้กับผิวรถ สามารถช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำ และป้องกันคราบสกปรก เช่น มูลนก เป็นต้น
- สามารถเคลือบเพื่อปกป้องได้ทั้งคันรถ เช่น ตัวถังรถ กระจก โคมไฟรอบคัน คิ้วขอบยาง พลาสติก และล้อแมกซ์
- เพียงแค่การล้างรถธรรมดา ๆ ในครั้งต่อไป ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ และยังได้รถที่เงางามสวยใส
- อายุการใช้งานนานนับปีหลังเคลือบแก้วคริสตัลต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับวิธีและแบรนด์น้ำยาที่ใช้ในแต่ละคาร์แคร์)
- ช่วยสะท้อนแสงแดด ทำให้ลดความร้อนที่ผิวสีรถและภายในรถยนต์ สบายทั้งตัวรถและผู้โดยสารในรถยนต์
- สามารถขายรถได้ราคาดีกว่าในฐานะรถมือสอง เพราะสภาพรถที่ดูเยี่ยมจากการเคลือบคริสตัล
เคลือบคริสตัล (Crystal Guard Extreme) คืออะไร
เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเคลือบคริสตัล ชนิด Crystal Guard Extreme ว่าคืออะไรกันดีกว่า สำหรับการเคลือบคริสตัลชนิดนี้เป็นการเคลือบ 3 ชั้น ที่ความหนาประมาณ 20-30 ไมครอน และเป็นที่แน่นอนว่าในแต่ละชั้นจะมีสารประกอบหลัก ๆ ถึง 3 ชนิด เลยทำให้หลังเคลือบ รถยนต์จะมีลักษณะแวววาว ใสสวย เงางามเหมือนแก้วคริสตัล
คุณสมบัติก็ดียิ่งขึ้นเพราะน้ำยาช่วยให้ยึดติดกับแลกเกอร์ได้คงทนยิ่งขึ้น รีดน้ำออกจากพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น
ในส่วนของรถเคลือบเเก้ว ข้อเสียที่ คือมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ Crystal Guard Extreme ก็คือมีราคาที่ค่อนข้างแพงขึ้นไปอีก แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังนับว่าคุ้มค่าสมกับคุณภาพที่ได้รับ
น้ำยาเคลือบคริสตัลราคาเท่าไหร่
การเคลือบคริสตัลสามารถเลือกทำได้ที่คาร์แคร์ ค่าใช้จ่ายในแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปขึ้นกับน้ำยาเคลือบที่เลือกใช้ โดยมากค่าใช้จ่ายการเตลือบคริสตัลทั้งคันจะขึ้นกับ ประเภทรถยนต์ ความหนาในการเคลือบ และระยะเวลาในการรับประกัน เช่น
- เคลือบคริสตัล 2 ชั้น หนาประมาณ > 10 ไมครอน ระยะเวลารับประกัน รายครั้ง จนถึง 5 ปี ราคาจะตกประมาณ 12,000 – 40,000 บาท
- เคลือบคริสตัล 3 ชั้น หนาประมาณ 20-30 ไมครอน ระยะเวลารับประกัน รายครั้ง จนถึง 5 ปี ราคาจะตกประมาณ 15,000 – 47,000 บาท
โดยปกติแล้ว ราคาของน้ำยาที่ใช้เคลือบคริสตัลนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ และก็เป็นผลิตภัณฑ์แบบระบบทา หรือระบบพ่น ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อราคาน้ำยาทั้งสิ้น ปัจจุบันราคาน้ำยาน่าจะประมาณราว ๆ 450 – 1,290 บาท ซึ่งอาจจะถูกกว่า และอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเคลือบคริสตัล เพราะเจ้าของรถนำน้ำยาเคลือบไปให้ศูนย์ล้างรถเอง
การเคลือบคริสตัลมีความหนาของชั้นเคลือบเท่าไหร่
หากจะเลือกวิธีการเคลือบคริสตัลมาเคลือบสีรถ เราควรพิจารณาว่าต้องการระดับความแข็งที่เท่าไร และความหนาของชั้นเคลือบเท่าไร แต่สิ่งที่สำคัญของการเคลือบคริสตัลนั้นก็อาจขึ้นกับแบรนด์ของน้ำยาเคลือบด้วยเช่นกัน
ค่าความแข็ง (H = Hardness) มีตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 10H –> 10H จะแข็งระดับเดียวกับเพชร
ระดับความหนา มีทั้งหมด 3 ชั้น
- ชั้นที่หนึ่ง ความหนาอยู่ราว ๆ 4-10 ไมครอน
- ชั้นที่สอง ความหนาอยู่ราว ๆ >10 ไมครอน
- ชั้นที่สาม ความหนาอยู่ราว ๆ 20-30 ไมครอน
ราคาของการเคลือบคริสตัลจะขึ้นกับ ยี่ห้อของน้ำยาเคลือบว่ามีคุณสมบัติระดับความแข็งที่เท่าไร และมีการเคลือบหนากี่ชั้น ดังนั้นควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะทำการตัดสินใจเคลือบรถ
หลังจากเคลือบคริสตัลควรดูแลรถอย่างไร
การดูแลรถยนต์ที่ได้ผ่านการเคลือบคริสตัลแล้ว มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากมากนัก เช่น
- หลังเสร็จจากการเคลือบคริสตัล แนะนำอย่าให้รถโดนน้ำชั่วระยะหนึ่งประมาณ 4-5 ชม.
- หมั่นดูแลและบำรุงสีผิวของรถทุก ๆ 4-5 เดือนเพื่อคงความเงางามให้อยู่นาน ๆ
- หากต้องการลงแวกซ์ให้รถยนต์ ก็สามารถทำได้ตามปกติหลังจากผ่านไป 6-12 เดือน แต่แวกซ์ที่ใช้ควรเป็นประเภท Pure Wax ที่ไม่มีส่วนผสมของผงขัดอยู่ในตัว
- หลีกเลี่ยงการขัดสีรถ หรือการลงน้ำยาที่มีส่วนผสมของผงขัด
- ในการล้างรถแต่ละครั้ง ให้ใช้แชมพูสำหรับรถที่เคลือบแก้วคริสตัลโดยเฉพาะ เพราะจะช่วยปกป้องและรักษาชั้นฟิล์มแก้วคริสตัลได้
หากต้องการซื้อน้ำยาเคลือบคริสตัลควรหาซื้อที่ไหน
ปกติแล้วหากต้องการที่จะซื้อน้ำยาเคลือบคริสตัลแล้วละก็ สถานที่ที่น่าจะมีจำหน่ายก็คือ
- ศูนย์ล้างรถ หรือคาร์แคร์ที่เข้าไปใช้บริการล้างรถ เคลือบสีรถ เคลือบคริสตัล
- เว็บไซต์ ช็อปปิ้งออนไลน์ เช่น ลาซาด้า ช็อปปี้ เป็นต้น
- เว็บไซต์ ของแบรนด์น้ำยายี่ห้อนั้น ๆ
- ร้านขายอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับรถยนต์
สรุป
การเคลือบแก้วคริสตัล เป็นอีกหนึ่งวิธีของการเคลือบแข็ง ที่เจ้าของรถยนต์สามารถใช้เพื่อปกป้องรถยนต์ของตนให้ดูดี ปราศจากรอยต่าง ๆ และมีตัวเคลือบก็มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และแน่นอนย่อมดีกว่าที่จะมาคอยแก้ไขปัญหาสีรถซีดจาง และปัญหาร่องรอยขีดข่วนที่มีอาจเกิดได้ตลอดเวลาบนรถยนต์ของคุณ
อย่างไรก็ตามการเคลือบแก้วคริสตัลรถยนต์ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น คราบน้ำ คราบสกปรก รอยขีดข่วน รอยขนแมวที่ถึงแม้สามารถชะลอไม่ให้เกิดขึ้นบนพื้นผิวสีรถได้ แต่ก็ยังเลี่ยงไม่พ้นถ้าต้องเจอกับการกระแทกแรง ๆ จากสะเก็ดหิน เป็นต้น นอกจากนี้เจ้าของรถยนต์ควรต้องดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น เข้ารับบริการ maintenance ตามรอบทุก 4-6 เดือน
หากได้ครอบครองรถยนต์สักหนึ่งคัน เราก็ควรจะเริ่มคิดถึงเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ตั้งแต่เริ่มต้น และกระบวนการเคลือบสีก็เป็นหนึ่งในวิธีดูแลที่กล่าวถึง และหวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลือบคริสตัลถึงรายละเอียด ข้อดี ข้อเสีย และงบประมาณที่ต้องเตรียมหากเลือกใช้วิธีนี้ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูเเลรักษารถ การเคลือบคริสตัลที่ช่วยป้องกันได้อย่างยาวนาน ก็ตอบโจทย์ให้คุณได้