เคลือบเซรามิกรถ

เคลือบเซรามิก หรือเคลือบแก้ว คืออะไร แบบไหนเหมาะกับรถเรา

การเคลือบสีรถ ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบเซรามิกหรือเคลือบแก้ว หลายคนมองว่าเป็นเพียงเพื่อความสวยงามเป็นหลัก แต่อย่าลืมปัจจัยของการเคลือบเซรามิก ที่มีมากกว่าความสวยงาม แต่คือความคงทน ปลอดภัย ช่วยให้รถคงสภาพสี และป้องกันรอยขีดข่วนกับรถที่เรารัก ดังนั้นรถที่เป็นดั่งสิ่งแสดงบุคลิกภาพ จะต้องดูดีอยู่ตลอด และบทความนี้จะกล่าวถึงการเคลือบเซรามิกคืออะไร มีความแตกต่างจากเคลือบแก้วอย่างไร และเลือกที่เคลือบสีรถที่ไหนดี



ราคาเคลือบเซรามิก กับเคลือบแก้วประมาณเท่าไหร่ ต้องเลือกแบบไหน

การเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก ถ้านับบริการจากคาร์แคร์จะมีราคาไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเคลือบ ซึ่งมีราคาและคุณภาพที่แตกต่างกันไปตามเคมีภัณฑ์ในน้ำยาเคลือบเซรามิก โดยการเคลือบมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักแสน อย่าลืมว่าการเคลือบรถเป็นงานที่ละเอียดอ่อน และต้องใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับราคา ดังนั้นการเลือกคาร์แคร์ที่มีคุณภาพและซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด อีกทั้งการให้คำปรึกษาในการเลือกผลิตภัณฑ์เคลือบเซรามิกก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่เราได้รับคำแนะนำที่ดี ก็จะสามารถเลือกวิธีเคลือบได้อย่างตรงใจทั้งตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป  

โดยแนวทางการเลือกเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก เป็นการทำให้รถเงางาม ทำความสะอาดง่าย ป้องกันรอยขีดข่วนและคราบ และมีอายุการใช้งานที่นาน ไม่ต้องทำบ่อย เหมือนการใส่เคสโทรศัพท์ที่ป้องกันมือถือเป็นรอย และสิ่งสกปรก อีกทั้งยังทำให้มือถือสวยเหมือนใหม่ตลอด โดยความแตกต่างของการเคลือบเซรามิก และการเคลือบแก้วมีดังนี้


เคลือบเซรามิก คืออะไร

อธิบายแบบเข้าใจง่าย การเคลือบเซรามิก คือการเคลือบรถโดยใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกันกับเคลือบแก้ว แต่สิ่งที่มีเหมือนกันกับการเคลือบแก้วคือส่วนผสมของ ซิลิก้า (SiO2) หรือ Silicon dioxide โดยการเคลือบเซรามิกจะมีสารที่เพิ่มความคงทน เช่น ซิลิคอน คาร์ไบด์ (Sic) ที่มีคุณสมบัติป้องกันที่เพิ่มขึ้น และกันความร้อนได้ดี และสารอื่นๆที่มีการเพิ่มเสริมคุณสมบัติให้หลากหลายมากขึ้น แล้วแต่ผลิตภัณฑืที่ผลิตออกมาใช้งาน 


เคลือบแก้ว คืออะไร

เคลือบแก้ว คือการเคลือบรถโดยสารตั้งต้นเป็น ซิลิก้า (SiO2) หรือ Silicon dioxide ที่แปลออกมาได้ตรงตัว เพราะสารนี้เป็นสารผลิตแก้ว โดยการเคลือบแก้วเป็นการเคลือบสีรถที่มีคุณภาพกว่า การเคลือบแว็กซ์ หรือเคลือบซิลิโคน ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า และให้ความเงางามน้อยกว่า


เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก ต่างกันอย่างไร?

เคลือบเซรามิก คือ
Detailing service worker applies ceramic protective liquid on sponge close-up. Process of pouring ceramic liquid from bottle on sponge to apply protective coating on car

ความแตกต่างของทั้งสอง เกิดจากสารเคลือบที่แตกต่างกัน ตัวเคลือบแก้วมีสารตั้งต้นเป็น SiO2 เป็นหลัก หรือสารที่ไว้ใช้ผลิตวัสดุจำพวกแก้วนั่นเอง ส่วนเซรามิกก็ใช้สารตั้งต้นที่มีมากมายหลากหลาย จนถูกเรียกรวมกันว่าเป็นสารสำหรับทำน้ำยาเคลือบเซรามิก โดยทั้งสองอย่างมีคุณสมบัติเหมือนกัน ต่างกันที่สารตั้งต้น และในเฉพาะการเคลือบเซรามิก ที่มีทั้ง SiO2 และ Sic เป็นสารตั้งต้นในแต่ละผลิตภัณฑ์ แม้จะแตกต่างกันทางคุณสมบัติ แต่ก็ให้ผลลัพธ์เดียวกัน จึงไม่แปลกใจที่จะเกิดความสับสน ทำให้การเคลือบเซรามิกจะมีความทนทานกว่า


เคลือบเซรามิก-เคลือบแก้ว ดีอย่างไร?

เริ่มต้นจากการเคลือบสีรถธรรมดาก่อน ปกติการเคลือบสีรถธรรมดา จะให้ผลเพียง 2 – 3 สัปดาห์ สรรพคุณของการเคลือบสีรถ คือการทำให้รถมีความเงางาม ช่วยลดการเสื่อมสภาพของสีรถ ให้รถดูใหม่อยู่ตลอด แต่จะมีความเงา และทนทานน้อยกว่า การเคลือบเซรามิกกับเคลือบแก้ว

อีกทั้งการเลือกเคลือบสีรถประเภทอื่น เราจะต้องคำนึงถึงแนวทางการใช้รถของเราด้วย เช่นหากเราพึ่งออกรถใหม่ การเคลือบแว็กซ์เพื่อเน้นรักษาสีรถก็เป็นแนวทางหนึ่ง แต่หากเข้าคาร์แคร์บ่อย การเคลือบธรรมดารายสัปดาห์ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แต่การเลือกเคลือบเซรามิก คือทางเลือกที่หมดปัญหา เพราะการเคลือบเซรามิก ให้ผลนาน 1 ปี – 5 ปี แล้วแต่ตัวผลิตภัณฑ์ที่เลือก อีกทั้งการทำความสะอาดก็สะดวกขึ้น เพราะช่วยลดคราบสกปรกเกาะบนตัวรถ เพิ่มความทนทานและรอยขีดข่วนมากกว่าเคลือบแบบอื่น


การเคลือบเซรามิก จำเป็นหรือไม่?

หากมองถึงความจำเป็นในการเคลือบเซรามิก อาจจะมองได้หลายกรณี โดยกรณีแรก การเลือกการเคลือบเซรามิก จำเป็นต่อคนที่อยากดูแลรถแต่ไม่มีเวลา และไม่อยากเข้าคาร์แคร์บ่อย เพราะการเคลือบเซรามิกช่วยให้ขจัดคราบสกปรกได้ง่าย สามารถล้างรถที่บ้านได้สะดวกสบาย ไม่เสียเวลา อีกทั้งไม่ต้องกลับไปเคลือบบ่อย

อีกกรณีคือความจำเป็นต่อการคงสภาพรถให้ดูใหม่ โดยเฉพาะคนที่พึ่งออกรถมาใหม่ และสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด คือการที่รถจะเป็นรอย การเคลือบแก้วเซรามิกจะเป็นการสร้างเกราะป้องกันรอยขีดขวนให้กับรถได้ รวมไปถึงคนที่มีรถเก่าที่ต้องการรักษาสภาพรถให้ดูดีตลอดเวลา และรถเก่าที่ทำสีใหม่ แน่นอนว่าการเสริมเกราะป้องกันคราบให้กับรถจึงเป็นสิ่งจำเป็น


ข้อควรรู้ในการเคลือบเซรามิก – เคลือบแก้ว

ข้อควรรู้ในการเคลือบเซรามิก คือการเคลือบผิวรถที่ไม่ได้ป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึง โอกาสของการที่รถจะมีสิ่งสกปรก สารบางชนิดที่ทำลายสีรถ ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการเคลือบเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน เมื่อถูกโจมตี เกราะก็จะเสื่อมลงได้ อีกทั้งรถที่ผ่านการเคลือบผิว ก็ยังต้องการ การดูแลและล้างอยู่เสมอ

อีกทั้งสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ คือการเคลือบเซรามิก ไม่ได้ป้องกันการถูกชนได้ แน่นอนว่าการเคลือบรถ เป็นเพียงการคงสภาพรถให้ใหม่เท่านั้น ไม่มีส่วนในการป้องกันอุบัติเหตุแน่นอน อีกทั้งข้อควรรู้เกี่ยวกับการเคลือบเซรามิกราคาถูกไปถึงแพง ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาหลักร้อยไปถึงหลักแสน สำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เป็น แต่หากดูไม่เป็น ให้เลือกผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์ มอบความรู้และคำปรึกษาที่ตรงใจที่สุด


แล้วจะมองหาร้านเคลือบเซรามิกที่ไหนดี 

เคลือบเซรามิก ราคา

เลือกบริการเคลือบเซรามิกกับ Klean Square เพราะสิ่งสำคัญของการเคลือบเซรามิก คือการเลือกผลิตภัณฑ์ และคุณภาพงานที่ตรงใจกับลูกค้า ผ่านบริการแบบครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับรถ เพื่อความพึงพอใจต่อราคาและฟังก์ชันการเคลือบสีรถที่ต้องการ ด้วยผลงานกว่า 40,000 เคสทั่วประเทศ Klean Square มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศไทย เลือกบริการคุณภาพใกล้บ้านได้เลย และสิ่งที่ทำให้ Klean Square แตกต่างจากคาร์แคร์ทั่วไป คือการเอาใจใส่ลูกค้า บริการอย่างเป็นมิตร ให้คุณภาพสุดประทับใจ กับราคาที่คุ้มค่าที่สุด 


สรุปการเคลือบเซรามิก คือที่สุดของการเคลือบสีรถ

ในเนื้อหาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า การเคลือบเซรามิก ทำให้รถเงางามเหมือนใหม่ รักษารอยขีดขวด และสภาพสีได้นานกว่าการเคลือบแบบอื่น แต่ไม่ใช่ว่าการเคลือบแบบอื่นไม่ดี แต่การเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก จะให้ความคุ้มค่า และรักษาสภาพรถอย่างยั่งยืนนั่นเอง

แน่นอนว่าหากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลือบผิวรถ ให้มองหาคาร์แคร์ที่สามารถให้คำปรึกษาที่ดี และซื่อสัตย์ในการให้บริการที่สุด สำคัญคือการเลือกเคลือบเซรามิก เมื่อทำแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องดูแลความสะอาดเลย เป็นเพียงการช่วยให้เราสามารถรักษารถและทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น เพื่อให้รถเงางามเหมือนใหม่ทุกท้องถนนที่คุณวิ่ง