7 วิธีล้างแอร์รถยนต์ แล้วจะรู้ว่า ล้างแอร์รถเอง ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เคยไหม ที่ระหว่างขับรถแล้วแอร์ไม่เย็น หรือได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ ลอยฟุ้งไปทั่วรถ แต่เมื่อลงจากรถแล้วก็ไม่มีกลิ่นที่ว่าเลย อาจจะเป็นไปได้ที่แอร์รถยนต์ของคุณจะเริ่มมีปัญหา เป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาว่า เราจะต้องล้างแอร์รถแล้ว และเราก็สามารถล้างแอร์รถยนต์เองได้ โดยวันนี้ เรามี 7 วิธีล้างแอร์รถยนต์มาฝาก แล้วคุณจะรู้เลยว่า ล้างแอร์รถยนต์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ทำไมเราถึงต้องล้างแอร์รถยนต์

แอร์รถยนต์ถือว่า หัวใจสำคัญของรถยนต์ เพราะในระหว่างการเดินทางไปไหนมาไหนก็ตาม ระบบหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร ถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิที่สูงขึ้น กลิ่นอับภายในรถ รวมถึงเชื้อโรคที่ลอยฟุ้งในอากาศ ดังนั้น เมื่อแอร์รถยนต์เริ่มส่งสัญญาณความผิดปกติ เราจึงต้องรีบล้างแอร์รถยนต์ให้ไวที่สุด
แต่หลาย ๆ คนก็มองว่า การล้างตู้แอร์รถยนต์เป็นเรื่องที่ยาก จะต้องถอดประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในวันนี้ เรามี 7 วิธีล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ มาฝากทุกคน โดยอาจจะใช้สิ่งที่มีอยู่ในบ้าน หรือสามารถหาซื้อได้ทั่วไปมาจัดการล้างแอร์รถยนต์ได้เลย
7 วิธีล้างแอร์รถยนต์

เมื่อพูดถึงการล้างแอร์รถยนต์ หลายคนอาจจะเริ่มกดค้นหา “ร้านล้างแอร์รถยนต์ใกล้ฉัน” เพื่อใช้บริการทันที แต่คุณรู้หรือไม่ ว่า เราสามารถล้างตู้แอร์รถยนต์ได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการล้างแอร์ไม่ถอดตู้ หรือแบบถอดตู้ โดยเราได้รวบรวม 7 วิธีล้างแอร์รถยนต์ มาให้คุณตรงนี้แล้ว
1. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยการ DIY เอง จากอุปกรณ์ภายในบ้าน
วิธีล้างแอร์รถยนต์แรก คือ การใช้อุปกรณ์ที่อยู่ภายในบ้านมาดัดแปลงเป็นเครื่องมือในการล้างแอร์รถยนต์ เป็นการ DIY ง่าย ๆ ด้วยตนเอง ที่เราสามารถทำได้กันทุกคน โดยเราจะต้องมีอุปกรณ์ ดังต่อไปนี้
- ตัวฉีดน้ำขนาด 2 ลิตร
- น้ำส้มสายชูกลั่น 5% (เลือกขนาดแค่ขวดเล็กก็เพียงพอแล้ว)
- น้ำยาฆ่าเชื้อโรค “เดทตอล”
- น้ำยาซักผ้าที่เราใช้กับเครื่องซักผ้า
- น้ำสะอาด 1.5 ลิตร
จากนั้น ก็นำมาล้างตู้แอร์ โดยเริ่มจาก
- เทน้ำส้มสายชูกลั่น 5% ลงไปในตัวฉีดน้ำจนหมดขวด
- ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรค 1 ฝา น้ำยาซักผ้า 1 ฝา และใส่น้ำสะอาดลงไปให้เต็มขวดฉีดน้ำ
- เริ่มทำความสะอาด ถ้าหากเรามีสายยางฉีด ก็สามารถฉีดเข้าไปได้เลย
- ทิ้งไว้ราว ๆ 5 – 10 นาที
- นำแปรงซักมือ มาขัดบริเวณต่าง ๆ ให้มีคราบออกมา
- ฉีดน้ำสะอาดล้างอีกที ก็เสร็จแล้วเรียบร้อย
- หากมีที่เป่าลม ก็สามารถนำมาใช้ได้ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องรอนาน
2. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยโซดาไฟเหลว
หากเราตัดสินใจเลือกล้างแอร์รถยนต์ด้วยโซดาไฟเหลว ก็ถือว่า เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยมีเพียง โซดาไฟเหลว กับ น้ำ เพียง 2 อย่างเท่านั้น โดย โซดาไฟเหลว เราสามารถหาซื้อได้ที่ร้านแอร์ทั่วไป ในราคาขวดละ 10 บาท ซึ่งโซดาไฟเหลวจะมีลักษณะออกสีเหลือง เหมือนน้ำเบียร์ หรือ น้ำเก๊กฮวย
สำหรับขั้นตอนในการล้างแอร์รถยนต์ด้วยวิธีนี้ คือ
- ให้นำโซดาไฟเหลว กับ น้ำ มาผสมใส่ลงตัวสเปรย์ฉีดฟ็อกกี้ ด้วยอัตราส่วน 2:1 โดยน้ำ 2 ส่วน ต่อ โซดาไฟเหลว 1 ส่วน
- ดูตัวแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็นที่ดึงความร้อนปรับให้เป็นความเย็นเข้าห้องโดยสาร
- ฉีดน้ำสะอาดเข้าไปก่อน เพื่อจัดการทำความสะอาดล้างสิ่งสกปรกและสิ่งอุดตัน
- นำฟ็อกกี้ที่ผสมน้ำกับโซดาไฟ ฉีดแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็น
- ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง เราจะสังเกตุเห็นฟองขึ้น และจะมีสิ่งสกปรกออกมาตามฟอง
- จากนั้น ให้เราฉีดน้ำสะอาด เพื่อให้ฟองที่เห็นหายหมดทั้งแผง
จากนั้น ไม่เกิน 5 นาที คุณก็สามารถใช้งานแอร์รถยนต์ได้ตามปกติ
3. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยสเปรย์โฟมแอร์บ้าน
การล้างแอร์รถยนต์ด้วยสเปรย์โฟมแอร์บ้าน เป็นอีกวิธีที่หลาย ๆ คนสนใจที่จะนำมาล้างแอร์รถยนต์ โดยเริ่มจาก
- ฉีดน้ำสะอาดเข้าไปตรงแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็นก่อน เพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกและสิ่งอุดตันให้ออกไปก่อน
- นำ “สเปรย์โฟมแอร์บ้าน” มาฉีดตรงแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็นให้เป็นฟอง จากนั้น ทิ้งไว้ราว ๆ 10 นาที
- ฉีดน้ำสะอาดล้างแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็นออกให้หมด
เพียงเท่านี้ แอร์รถยนต์ของคุณก็จะกลับมาเย็นฉ่ำอีกครั้งแล้ว
4. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยการทำความสะอาดคอยล์เย็น
อีกวิธีล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเอง คือ การฉีดน้ำยาล้างแอร์รถยนต์ทำความสะอาดคอยล์เย็นโดยเฉพาะ ซึ่งถือว่า น้ำยานี้ มีประโยชน์มาก ๆ เพราะสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั้งแอร์รถยนต์ และแอร์บ้าน โดยมีขั้นตอน คือ ใช้ฉีดแผงคอยล์ร้อน-คอยล์เย็น และทิ้งไว้ราวประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจะสังเกตเห็นฟองปรากฏขึ้นมา โดยจะมีสิ่งสกปรกออกมาตามฟอง จากนั้น ให้ฉีดน้ำสะอาดไล่ฟองที่เห็นให้หายไปจนหมดแผง เพียงเท่านี้ ก็ล้างแอร์รถยนต์เสร็จเรียบร้อย
5. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยสเปรย์โฟมแอร์รถยนต์
นอกจากการใช้สเปรย์โฟมแอร์บ้านในการล้างแอร์รถยนต์แล้ว เรายังมีสเปรย์โฟมสำหรับล้างแอร์รถยนต์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ในราคากระป๋องละ 200 บาท โดยจะต้องเลือกแบบที่เป็น “Car Air Conditioner Cleaner” โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- สอดสายยางที่ใส่ตรงหัวฉีดเข้าไปในแผงช่องแอร์ให้สุด
- ฉีดสเปรย์โฟมแอร์รถยนต์ให้ฟองออกมาถึงด้านนอกช่องแอร์
- ทิ้งไว้ 30 นาทีจนโฟมละลายทั้งหมด
- สตาร์ทรถ แล้วเปิดแอร์แรง ๆ พร้อมทั้งเปิดหน้าต่างรถทุกบาน เพื่อถ่ายเทอากาศและทดสอบความเย็นของแอร์
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีล้างแอร์รถยนต์แบบล้างแอร์ไม่ถอดตู้ที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ และด้วยวิธีนี้ เราสามารถมั่นใจในเรื่องของความสะอาดได้ เนื่องจากสเปรย์โฟมแอร์รถยนต์มีความเข้มข้นสูงและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคราบหนา
6. ล้างแอร์รถยนต์ด้วยน้ำเปล่า
บางคนก็เลือกใช้เพียงน้ำเปล่าในการล้างแอร์รถยนต์ เพื่อชำระล้างฝุ่น คราบสกปรกที่เกาะอยู่ให้หลุดออกมา ถ้าหากว่าแอร์รถยนต์ของคุณไม่ได้สกปรกมาก เราก็สามารถล้างแอร์รถยนต์ได้ด้วยวิธีนี้
7. ล้างแอร์รถยนต์การอบโอโซน
วิธีล้างแอร์รถยนต์แบบสุดท้ายที่เราจะนำเสนอ คือ การอบโอโซนรถ หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยได้ยิน หรือไม่คุ้นหูกับการอบโอโซนรถ แล้วการอบโอโซนรถคืออะไร เรามาดูกัน
การล้างรถอบโอโซนในรถยนต์ คือ การใช้ก๊าซจากเครื่องอบโอโซนรถพ่นออกมา เพื่อใช้ในการกำจัดชั้นไขมันที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกของเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้เชื้อโรคที่อยู่ภายในรถถูกทำลาย โดยเครื่องอบโอโซนรถยนต์มีประสิทธิภาพ ดังนี้
- เครื่องอบโอโซนรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงจะสามารถกำจัดไวรัสได้ถึง 99%
- เครื่องอบโอโซนรถยนต์จัดการกับกลิ่นอับชื้น ที่ฝังตัวอยู่ภายในรถยนต์
- เครื่องอบโอโซนรถยนต์สามารถชำระล้างคราบมันในรถของท่าน
ซึ่งการล้างรถแบบอบโอโซนนี้ จะใช้ก๊าซที่ประกอบไปด้วยออกซิเจน 3 อะตอม ซึ่งเกิดจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง เปลี่ยนโครงสร้างของออกซิเจนให้เป็น O3 ที่มีฤทธิ์รุนแรงในการฆ่าเชื้อโรคในรถ ซึ่งการอบโอโซนรถนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าการทำความสะอาดด้วยการใช้คลอรีนมากถึง 3,125 เท่า พร้อมทั้งไม่ทำอันตรายกับสภาพแวดล้อมภายในรถยนต์
ซึ่งถ้าหากเราล้างแอร์รถยนต์ด้วยการใช้การอบโอโซน ก็จะช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียที่สะสมภายในรถ ในช่องแอร์ ช่วยขจัดกลิ่นเหม็นอับที่สะสมอยู่ภายในรถยนต์ และช่วยกำจัดฝุ่นภายในรถยนต์ได้
โดยการอบโอโซนรถนี้ เราสามารถหาซื้อเครื่องอบโอโซนรถได้ทั่วไป ซึ่งราคาของเครื่องก็จะแตกต่างกันไปตามประสิทธิภาพและการใช้งาน สำหรับคนที่สนใจจะซื้อเครื่องอบโอโซนมาไว้ใช้ที่บ้านเป็นการส่วนตัว ก็ถือว่า เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาวและสามารถล้างแอร์รถยนต์ได้บ่อยตามที่ต้องการอีกด้วย
เราควรล้างแอร์รถยนต์ที่ไหนดี

แต่สำหรับบางคน การล้างแอร์รถยนต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และบางครั้งก็ไม่ได้มีเวลาว่าง แม้ว่า วิธีล้างแอร์รถยนต์ที่กล่าวมาจะสะดวกและสามารถเองได้อย่างง่าย ๆ แต่ก็ขอเลือกที่จะใช้บริการร้านล้างแอร์รถยนต์ดีกว่า เพราะการล้างเอง นอกจากจะไม่สะดวกและไม่มีเวลาแล้ว ก็จะอาจจะมีปัญหาเหล่านี้ตามมา เช่น
- ล้างแอร์รถยนต์แล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่น
- ล้างแล้ว แต่แอร์ก็ยังไม่เย็น
- เมื่อรื้อคอยล์เย็นหรืออุปกรณ์ภายในออกมาแล้ว ไม่สามารถประกอบกลับเข้าไปได้ หรืออาจทำให้เกิดความเสียหาย
- ไม่มั่นใจว่า ล้างแอร์รถยนต์แล้วจะสะอาดจริง ๆ
ถ้าอย่างนั้น คำถามต่อมา คือ ล้างแอร์รถยนต์ที่ไหนดี ซึ่งเราขอแนะนำ KleanSquare ซึ่งเป็นศูนย์บริการที่มีมากถึง 32 สาขา ดังนั้น คุณจึงสามารถไว้วางใจในการบริการและประสิทธิภาพการทำความสะอาดล้างแอร์รถยนต์ได้ เพราะที่ KleanSquare ได้รับมาตรฐานปลอดภัยผ่าน QC มีการตรวจสอบความสะอาดก่อนส่งรถคืนให้ลูกค้าทุกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น KleanSquare ยังมีบริการล้างรถ เคลือบสี ขัดสีรถ รวมไปถึงการอบโอโซนรถอีกด้วย เรียกได้ว่า มาที่ครบทุกวงจรในการดูแลรถยนต์ของคุณเลยทีเดียว ถ้าหากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 080-2888-788 เพื่อจองคิว หรือทาง Facebook Klean Square หรือ Line
สรุป
รถยนต์ถือว่าเป็นพาหนะคู่ใจที่พาเราไปถึงจุดหมาย โดยเฉพาะระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ที่จะต้องมีความสะอาดอยู่เสมอ ด้วย 7 วิธีและขั้นตอนการล้างแอร์รถยนต์ที่เราได้เสนอไปนั้น คุณก็สามารถทำความสะอาดด้วยตนเองได้อย่างง่าย ๆ แต่ถ้าหากคุณไม่สะดวก เราก็ขอแนะนำ KleanSquare ร้านล้างแอร์รถยนต์ที่ได้รับมาตรฐานและความไว้วางใจจากลูกค้ามาช่วยดูแลให้การล้างแอร์รถยนต์เป็นเรื่องง่าย ๆ ปลอดภัยหายห่วง